อัพเดทล่าสุด: 26 ก.ค. 2024
สวัสดีเพื่อนๆ ทาสแมวทุกท่าน วันนี้ Maru Cat Grooming มีเรื่องสำคัญมาแชร์เกี่ยวกับสุขภาพของน้องเหมียวที่เรารักกัน นั่นคือเรื่อง "โรคหัวใจในแมว" ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยและอาจส่งผลร้ายแรงต่อน้องแมวของเราได้ มาทำความรู้จักกับโรคนี้กันให้มากขึ้น เพื่อที่เราจะได้ดูแลน้องแมวได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที
โรคหัวใจในแมวคืออะไร?
โรคหัวใจในแมวเป็นภาวะที่ระบบหัวใจและหลอดเลือดของน้องแมวทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติแต่กำเนิด การติดเชื้อ หรือโรคที่เกิดขึ้นในภายหลัง โดยโรคหัวใจที่พบบ่อยในแมวมีดังนี้:
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiomyopathy): เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในแมว โดยเฉพาะ Hypertrophic Cardiomyopathy (HCM) ซึ่งเป็นภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายหนาตัวขึ้น ทำให้หัวใจบีบตัวได้ไม่ดี
- โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ: เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว หรือลิ้นหัวใจตีบ ซึ่งส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ
- โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด: เช่น รูรั่วที่ผนังกั้นหัวใจ หรือหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบ
สาเหตุของโรคหัวใจในแมวสาเหตุของโรคหัวใจในแมวมีหลายประการ ซึ่งเราควรทำความเข้าใจเพื่อป้องกันและดูแลน้องแมวได้อย่างเหมาะสม:- พันธุกรรม: แมวบางสายพันธุ์มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจ เช่น แมวเปอร์เซีย เมนคูน และแร็กดอลล์ ซึ่ง 3 สายพันธุ์นี้ มีโอกาสพบโรคกล้ามเนื้อหัวใจ หรือ HCM มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
- อายุ: แมวที่มีอายุมากขึ้นมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเกิดโรคหัวใจ
- โรคอื่นๆ: เช่น ภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง หรือโรคไต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ
- การติดเชื้อ: บางครั้งการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียอาจทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจได้
- ภาวะทุพโภชนาการ: การได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือไม่สมดุลอาจส่งผลต่อสุขภาพหัวใจของแมวได้
อาการของโรคหัวใจในแมว
การสังเกตอาการผิดปกติของน้องแมวเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราตรวจพบโรคหัวใจได้เร็วขึ้น อาการที่ควรสังเกตมีดังนี้:
- หอบ หายใจเร็ว หรือหายใจลำบาก
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- อาเจียน
- ขาหลังอ่อนแรง เป็นอัมพาต
- หมดสติ หรือเป็นลมฉับพลัน
- ท้องบวม (เนื่องจากน้ำคั่งในช่องท้อง)
- ไอ จาม หรือมีเสียงหายใจผิดปกติ
- ลิ้นหรือเหงือกมีสีคล้ำหรือเขียว
การวินิจฉัยและการรักษาโรคหัวใจในแมว
เมื่อสงสัยว่าน้องแมวอาจมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ สัตวแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้:- การตรวจร่างกายทั่วไป: สัตวแพทย์จะฟังเสียงหัวใจและปอดด้วยหูฟัง เพื่อตรวจหาเสียงผิดปกติหรือจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG หรือ EKG): เพื่อวัดคลื่นไฟฟ้าของหัวใจและตรวจหาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiography): เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อสร้างภาพของหัวใจ ทำให้สามารถเห็นโครงสร้างและการทำงานของหัวใจได้อย่างละเอียด
- การถ่ายภาพรังสีทรวงอก (Chest X-rays): ช่วยให้เห็นขนาดและรูปร่างของหัวใจ รวมถึงสภาพของปอดและหลอดเลือดใหญ่
- การตรวจเลือด: เพื่อประเมินการทำงานของอวัยวะต่างๆ และตรวจหาสารบ่งชี้ของโรคหัวใจ เช่น NT-proBNP
- การวัดความดันโลหิต: เพื่อตรวจหาภาวะความดันโลหิตสูงซึ่งอาจเป็นสาเหตุหรือภาวะแทรกซ้อนของโรคหัวใจ
- การผ่าตัด: ในบางกรณี เช่น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดบางชนิด อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
การดูแลน้องแมวที่เป็นโรคหัวใจ
การรักษาโรคหัวใจในแมวจะขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค โดยทั่วไปแล้วจะประกอบด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้:
1. การให้ยา: มียาหลายชนิดที่ใช้ในการรักษาโรคหัวใจในแมว เช่น
- ยาขับปัสสาวะ เพื่อลดการคั่งของน้ำในร่างกาย
- ยาขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยให้หัวใจทำงานน้อยลง
- ยาควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
2. การควบคุมอาหาร: อาหารที่มีโซเดียมต่ำอาจช่วยลดภาระการทำงานของหัวใจได้
3. การจัดการความเครียด: ลดความเครียดและสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
4. การติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ: พาน้องแมวไปพบสัตวแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการและปรับการรักษาตามความเหมาะสม
การป้องกันโรคหัวใจในแมว
การป้องกันโรคหัวใจในแมวสามารถทำได้โดยการดูแลสุขภาพที่ดี การให้อาหารที่มีคุณภาพและมีสมดุล การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพาน้องแมวไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เป็นประจำ
บทสรุป
โรคหัวใจในแมวเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญและอาจส่งผลร้ายแรงต่อคุณภาพชีวิตของน้องแมวได้ การเรียนรู้เกี่ยวกับโรคนี้ การสังเกตอาการผิดปกติ และการพาน้องแมวไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เราสามารถดูแลน้องแมวได้อย่างดีที่สุด
แหล่งอ้างอิง :