แชร์

ทำความรู้จักโรคพิษสุนัขบ้าในคน ภัยร้ายจากน้องแมวที่แสนรัก

อัพเดทล่าสุด: 15 ก.ค. 2024

"โรคพิษสุนัขบ้า" เป็นโรคติดเชื้อที่มีอันตรายถึงชีวิต และสามารถแพร่กระจายได้ผ่านทางน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อ โรคนี้ยังคงเป็นหนึ่งในโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับโรคพิษสุนัขบ้าอย่างละเอียด ทั้งสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และการป้องกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สาเหตุและการแพร่เชื้อ

โรคพิษสุนัขบ้าเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "Rabies virus" ซึ่งเป็นไวรัสในกลุ่ม Rhabdoviridae เชื้อไวรัสนี้สามารถพบได้ในน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น สุนัข แมว ลิง ค้างคาว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ การแพร่เชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการถูกสัตว์ที่ติดเชื้อกัด ข่วน หรือเลียบาดแผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น สุนัขและแมว



อาการของโรคพิษสุนัขบ้า

อาการของโรคพิษสุนัขบ้ามีการพัฒนาเป็นระยะเวลา โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะหลัก ได้แก่

1. ระยะฟักตัว (Incubation Period): มักมีระยะฟักตัวนานประมาณ 1-3 เดือน แต่สามารถนานถึง 6 เดือน หรือมากกว่านั้นได้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของบาดแผลที่ถูกกัดและปริมาณของเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย

2. ระยะป่วย (Clinical Stage): อาการในระยะนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ

  • แบบคลาสสิก (Furious Rabies): ผู้ป่วยจะมีอาการกระวนกระวาย อารมณ์แปรปรวน มีอาการทางประสาท เช่น กลัวน้ำ กลัวแสง และมีอาการชักเกร็ง
  • แบบเงียบ (Paralytic Rabies): ผู้ป่วยจะมีอาการอัมพาต เริ่มจากการอ่อนแรงของขาหลัง และค่อย ๆ ลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จนถึงขั้นหมดสติและเสียชีวิต

อาการทั่วไปที่อาจพบได้ในระยะป่วย ได้แก่:
  • มีไข้สูง
  • ปวดศีรษะ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • อาการชัก
  • กล้ามเนื้อกระตุก
  • ความกลัวน้ำและแสง (Hydrophobia and Photophobia)



การวินิจฉัยโรคพิษสุนัขบ้า

การวินิจฉัยโรคพิษสุนัขบ้ามักจะทำได้ยาก เนื่องจากอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง แต่สามารถวินิจฉัยได้โดย:

  • ซักประวัติการสัมผัสสัตว์ที่มีความเสี่ยง เช่น สุนัข แมวที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
  • การตรวจเลือด เพื่อหาแอนติบอดีต่อไวรัส
  • การตรวจเนื้อเยื่อสมอง ในกรณีที่ผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว โดยการตรวจชิ้นเนื้อสมองเพื่อหาการมีไวรัสในเซลล์สมอง

 


การรักษาโรคพิษสุนัขบ้า

เนื่องจากโรคพิษสุนัขบ้ามีอัตราการเสียชีวิตสูง การรักษาโรคนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การป้องกันการติดเชื้อในระยะเริ่มต้น ดังนี้:

1. การทำวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Vaccine): การฉีดวัคซีนในกรณีที่มีการถูกสัตว์ที่สงสัยติดเชื้อกัดหรือข่วน โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน
2. การให้เซรุ่มป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies Immune Globulin, RIG): การให้เซรุ่มนี้ช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวัคซีน



การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

1. การฉีดวัคซีนให้กับสัตว์เลี้ยง: การฉีดวัคซีนให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะสุนัขและแมว เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่มีความเสี่ยง:โดยเฉพาะสัตว์ที่มีพฤติกรรมผิดปกติ เช่น สุนัขหรือแมวที่มีอาการล่าเหยื่อหรือไม่กลัวคน
3. การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์หมัดและสัตว์ที่มีความเสี่ยง: การกำจัดหมัดและสัตว์ที่เป็นพาหะนำเชื้อในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง
4. การดูแลสุขอนามัยและความสะอาด: หมั่นล้างมือหลังจากสัมผัสสัตว์ และทำความสะอาดบาดแผลทันทีหากถูกสัตว์กัด

บทสรุป

โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่มีอันตรายถึงชีวิต หากไม่รีบเข้ารับการรักษา ซึ่งโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนให้กับสัตว์เลี้ยงและการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่มีความเสี่ยง การดูแลสุขอนามัยและการรักษาบาดแผลอย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคนี้

อย่าลืมว่าการตระหนักถึงความเสี่ยงและการป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีได้อย่างยั่งยืน

อ้างอิง:

- Centers for Disease Control and Prevention. (2023). Rabies. Retrieved from https://www.cdc.gov/rabies/index.html
- World Health Organization. (2020). Rabies. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/rabies
- OIE. (2020). Manual of Diagnostic Tests and Vaccines for Terrestrial Animals. World Organisation for Animal Health.
- Koprowski, H. (2003). Rabies: Scientific Basis of the Disease and Its Management. Elsevier Health Sciences.



บทความที่เกี่ยวข้อง
พฤติกรรมแปลกๆของแมว อาจจะเป็นการสื่อสารบางอย่าง
แมวมีพฤติกรรมแปลกแต่น่ารัก ทั้งสะท้อนสัญชาตญาณนักล่าและแสดงความรัก เช่น ดันหัว นอนทับของ สะกิดเท้า ทำให้พวกมันมีเสน่ห์เฉพาะตัว!
27 ม.ค. 2025
เห็บแมว: อันตรายที่มองไม่เห็น
เห็บเป็นปรสิตขนาดเล็กที่สร้างปัญหาใหญ่ให้กับแมวและเจ้าของได้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเห็บในแมวอย่างละเอียด รวมถึงอันตรายที่เกิดจากเห็บ วิธีป้องกัน และการกำจัด เพื่อให้คุณสามารถดูแลน้องแมวสุดที่รักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
15 ส.ค. 2024
เลี้ยงแมวระบบปิด VS ระบบเปิด แบบไหนดีกว่า?
การเลี้ยงแมวมีหลายรูปแบบ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการเลี้ยงในระบบปิดและเปิดมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน? ถ้าอยากรู้ว่าระบบไหนเหมาะกับคุณและแมวที่รัก มาหาคำตอบในบทความกันเถอะ!
5 ส.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy